เมื่อ “เซ็กซ์” เราไม่เท่ากัน (Sexual Desire Discrepancy)

ในความสัมพันธ์ของคู่รักนั้น ‘เซ็กซ์’ ไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมทางกาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความใกล้ชิดระหว่างคู่รักอีกด้วย หากคู่รักมีมุมมองและความต้องการทางเพศที่ไม่ตรงกัน ก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาต่อความสัมพันธ์ได้

ความต้องการทางเพศ (Sexual Desire) คืออะไร

ความต้องการทางเพศไม่ได้มีความหมายที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว แต่การให้ความหมายนั้นขึ้นอยู่กับมุมมอง รวมถึงประสบการณ์ของแต่ละบุคคล เช่น ความต้องการภายในที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (spontaneous inner drive) หรืออาจจะมองความต้องการทางเพศในลักษณะของ “กระบวนการ” (process) ที่มีปัจจัยต่าง ๆ ที่สามารถกระตุ้นหรือยับยั้งการเกิดความต้องการทางเพศ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการทางเพศ

นอกจากการให้ความหมายต่อความต้องการทางเพศที่แตกต่างกัน ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างของความต้องการทางเพศในแต่บุคคล เช่น ลักษณะนิสัย ลักษณะความชอบต่อกิจกรรมทางเพศ (sexual preference) ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก วัฒนธรรมและบรรทัดฐานทางสังคม อีกทั้งในแต่ละคนยังให้ความสำคัญต่อกิจกรรมทางเพศแตกต่างกัน

ซึ่งถ้าหากว่าคู่รักมีความเข้าใจต่อความหมายและความสำคัญของกิจกรรมทางเพศที่ไม่เหมือนกัน ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะความต้องการทางเพศที่ไม่ตรงกัน (sexual desire discrepancy)

ความต้องการทางเพศไม่ตรงกัน (Sexual Desire Discrepancy)

หมายถึง ภาวะที่คู่รักมีระดับความต้องการทางเพศหรือความถี่ต่อการมีกิจกรรมทางเพศ (sexual activity) ที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดความต้องการทางเพศไม่เท่ากัน ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดปัญหาในคู่รักเสมอไป เนื่องจากความต้องการทางเพศนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งในคู่รักที่เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์อาจจะเกิดจากการที่มีปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดปัญหา เช่น

– ความหมายของกิจกรรมทางเพศที่แตกต่างกัน

– มุมมองด้านความสำคัญของกิจกรรมทางเพศต่อความสัมพันธ์ของคู่รัก ซึ่งอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

– ประสบการณ์ทางเพศและความสัมพันธ์

– บรรทัดฐานทางสังคม

 

เมื่อมีความต้องการทางเพศไม่ตรงกัน คู่รักจะมีการปรับตัวเข้าหากันซึ่งเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ

1. การปรับตัวด้านกิจกรรมทางเพศ (sexual activity)

– Sexual restraint หมายถึง ผู้ที่มีความต้องการทางเพศน้อยกว่ายอมที่จะมีกิจกรรมทางเพศ

– Sexual compliance หมายถึง ผู้ที่มีความต้องการทางเพศสูงกว่า แต่ปรับตัวโดยมีกิจกรรมทางเพศลดลง

2. การปรับตัวที่ไม่ใช่กิจกรรมทางเพศ (non-sexual activity) คือการที่คู่รักทำกิจกรรมอื่นร่วมกันที่ไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์ เพื่อสร้างความใกล้ชิดต่อกัน

 

การประเมินภาวะ Sexual Desire Discrepancy

1. เน้นการดูแลเป็นคู่และความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักมากกว่าการระบุว่าคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ที่มีปัญหา

2. ในแต่ละฝั่งของคู่รักคิดว่าความต้องการที่ไม่ตรงกันเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด

3. ความต้องการทางเพศและความสัมพันธ์

– ความต้องการทางเพศไม่ตรงกันส่งผลอย่างไรต่อความสัมพันธ์

– มีปัญหาความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นที่ส่งผลให้ความต้องการทางเพศเปลี่ยนแปลงหรือไม่

4. การปรับตัวของคู่รักและผลที่เกิดจากการปรับตัว

5. เหตุการณ์ที่อาจจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการทางเพศ

6. มุมมองด้านกิจกรรมทางเพศของแต่ละบุคคล

– ความเข้าใจต่อความต้องการทางเพศ

– มุมมองด้านความสำคัญของกิจกรรมทางเพศในแต่ละคน

– ความชอบที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ (sexual preference) 

– การเกิดแรงกระตุ้น (sexual motivation)

 

การดูแลรักษาภาวะ Sexual Desire Discrepancy

เป้าหมายในการดูแลคือลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงช่วยให้คู่รักปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยกลยุทธ์ในการดูแลรักษาอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคู่ อาจจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม

1. ให้ความรู้ในเรื่องของความต้องการทางเพศว่ามีลักษณะเป็นกระบวนการที่สามารถทำให้เกิดได้ ถ้ามีปัจจัยกระตุ้นที่เหมาะสม

2. ให้ความรู้เรื่องของภาวะความต้องการทางเพศไม่ตรงกัน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางช่วงเวลาของความสัมพันธ์

3. ช่วยให้มีการสื่อสารกันมากขึ้นระหว่างคู่รัก (couple communication)

– ความเข้าใจและความสำคัญของกิจกรรมทางเพศ

– ความชอบที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ (sexual preference)

– จุดกระตุ้นของร่างกายที่ทำให้เกิดความต้องการทางเพศ

4. แนะนำให้มีการปรับตัวที่ไม่ใช่กิจกรรมทางเพศ 

 

 

อ้างอิง

Marieke D, Joana C, Giovanni C, et al. Sexual Desire Discrepancy: A Position Statement of the European Society for Sexual Medicine. Sex Med. 2020;8(2):121-131. https://doi.org/10.1016/j.esxm.2020.02.008

https://www.rama.mahidol.ac.th/rama-km/cat/main/CKM03/4111